1.สัญญาณทางอิเล็กทรกนิกส์มีกี่ชนิด ?
ก. 2 ชนิด
ข. 3 ชนิด
ค. 4 ชนิด
ง. 5 ชนิด
2.สัญญาณแบบอนาลอก ข้อใดถูกต้อง ?
ก. สัญญาณวิทยุ
ข. สัญญาณโทรทัศน์
ค. เสียงในโทรศัพท์
ง. สัญญาณในคอมพิวเตอร์
3.ข้อใดเป็นสัญญาณที่ใช้ในคอมพิวเตอร์ ?
ก. สัญญาณดาวเทียม
ข. สัญญาณไมโครเวฟ
ค. สัญญาณอะนาลอก
ง. สัญญาณดิจิตอล
4.อุปกรณ์ข้อใดทำหน้าแปลงสัญญาณดิจิตอลเป็นอะนาลอกและแปลงกลับ ?
ก. ลำโพง
ข. ซาวด์การ์ด
ค. แลนด์การ์ด
ง. โมเด็ม
5.ข้อใดไม่ใช่ทิศทางในการสื่อสารข้อมูล?
ก. แบบทิศทางเดียว
ข. แบบกึ่งสองทิศทาง
ค. แบบสองทิศทาง
ง. แบบรอบทิศทาง
6.การส่งข้อมูลทีละบิตต่อครั้งผ่านสายสื่อสาร เป็นการสื่อสารแบบใด ?
ก. แบบตรง
ข. แบบอนุกรม
ค. แบบขนาน
ง. แบบผสม
7.ข้อใดเป็นการสือสารข้อมูลแบบ บรอดแบนด์ (Broadband)?
ก. เป็นสัญญาณที่วิ่งได้แบบไร้สาย
ข. มีสัญญาณ 2 สัญญาณวิ่งได้บนสายเดียวกัน
ค. มีหลายสัญญาณวิ่งอยู่บนสายได้พร้อมกัน
ง. มีสัญญาณ 1 สัญญาณวิ่งได้บนสาย
8.ข้อใดไม่ใช่สายสัญญาณที่ใช้ในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ?
ก. สายคู่บิดเกลียว
ข. สายโคแอกเชียล
ค. สายใยแก้วนำแสง
ง. สายอินฟาเรดนำแสง
9.อุปกรณ์ในการเชื่อมต่อ HUB คือ ?
ก. อุปกรณ์เชื่อมต่อหลายเครือข่าย
ข. เป็นอุปกรณ์เชื่อมต่อเครือข่ายที่ต่างกัน
ค. อุปกรณ์เชื่อมต่อที่มีการขยายสัญญาณ
ง. อุปกรณ์เชื่อมต่อที่ไม่มีการขยายสัญญาณ
10.ข้อใดหมายถึงอุปกรณ์เชื่อมต่อ "เราท์เตอร์(Router)?
ก. อุปกรณ์เชื่อมต่อหลายเครือข่าย
ข. เป็นอุปกรณ์เชื่อมต่อเครือข่ายที่ต่างกัน
ค. อุปกรณ์เชื่อมต่อที่มีการขยายสัญญาณ
ง. อุปกรณ์เชื่อมต่อที่ไม่มีการขยายสัญญาณ
22 กรกฎาคม, 2551
08 กรกฎาคม, 2551
มาตรฐาน tia eia
การเข้าสาย LAN
การเข้าหัวสาย UTP นั้นมีอยู่สองมาตรฐานที่ได้กำหนดไว้คือ TIA/EIA 568A และ 568B ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับการเรียงลำดับสายจะแสดงดังตารางและรูปด้านล่าง
PIN # | Signal | TIA/EIA 568A | TIA/EIA 568B |
1 | Transmit+ | ขาวเขียว | ขาวส้ม |
2 | Transmit+ | เขียว | ส้ม |
3 | Receive+ | ขาวส้ม | ขาวเขียว |
4 | N/A | น้ำเงิน | น้ำเงิน |
5 | N/A | ขาวน้ำเงิน | ขาวน้ำเงิน |
6 | Receive+ | ส้ม | เขียว |
7 | N/A | ขาวน้ำตาล | ขาวน้ำตาล |
8 | N/A | น้ำตาล | น้ำตาล |
สาย UTP และหัวเชื่อมต่อแบบ RJ-45 |
การทำสายแพทช์คอร์ดหรือสายที่เชื่อมระหว่างฮับกับคอมพิวเตอร์นั้น ปลายทางทั้งสองข้างจะต้องเข้าตามมาตรฐาน TIA/EIA 568B ส่วนสายครอสโอเวอร์หรือสายที่เชื่อมระหว่างฮับกับฮับหรือคอมพิวเตอร์กับคอมพิวเตอร์นั้น ปลายสายด้านหนึ่งต้องเข้าแบบ TIA/EIA 568A ส่วนปลายสายอีกด้านหนึ่งต้องเข้าแบบ TIA/EIA 568B
06 กรกฎาคม, 2551
เรียนวันที่ 25 มิถุนายน 2551
ข้อสอบปรนัย เรื่องคำสั่งตรวจซ่อม
1.คำสั่งที่ใช้ตรวจสอบค่าconfigureของเครื่องคอมพิวเตอร์ คือข้อใด
ก.Ipconfig/all
ข.Netmast
ค.Netstat
ง.Address
2.ข้อใดไม่ใช่คำสั่งตรวจซ่อม
ก.Ipconfig/all
ข.Delete
ค.Netstat
ง.Tracert
3.ข้อใดคือคำสั่งในการตรวจสอบโปรโตคอล
ก.Ipconfig/all
ข.Delete
ค.Netstat
ง.Tracert
4.ข้อใดคือคำสั่งในการตรวจสอบโปรโตคอล IP
ก.Tracert
ข.Netstat-s-p ip
ค.Netstat-s-p udp
ง.Netstat-r
5.ข้อใดคือคำสั่งในการตรวจสอบโปรโตคอล UDP
ก.Tracert
ข.Netstat-s-p ip
ค.Netstat-s-p udp
ง.Netstat-r
6.ข็อใดคือคำสั่งในการดูข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ Rotig Table
ก.Netstat-s-p icmp
ข.Netstat-s-p ip
ค.Netstat-s-p udp
ง.Netstat-r
7.คำสั่งที่ใช้ดูเส้นทางในการเชื่อมต่อของ routerไปยังปลายทางคือข้อใด
ก.Tracert
ข.Netstat-s-p ip
ค.Netstat-s-p udp
ง.Netstat-r
8.การทำงานของ tracert การร้องขอแต่ละครั้งจะมีการเพิ่มค่า TTL เป็นเท่าใด
ก. 1
ข. 2
ค. 3
ง. 4
9.ใช้คำสั่งใดเพี่อตรวจสอบดูชื่อคอมพิวเตอร์หรือ IP Address ที่ติดต่อเข้ามา
ก.Netstat-s-p icmp
ข.Netstat-s-p ip
ค.Netstat-a-n
ง.Netstat-r
10.Header ของ IP ปกติจะมีค่าเป็นเท่าใด
ก. 1
ข. 2
ค. 3
ง. 0
ข้อสอบปรนัย เรื่องอีเทอร์เน็ต
1.อีเทอร์เน็ตมีการพัฒนาขึ้นโดยบริษัทใด
ก. SUMSUNG
ข. LG
ค. XEROX
ง. HITACHI
2. เครื่องคอมพิวเตอร์บนเครือข่าย โดยจะใช้กระบวนการส่งข้อมูลแบบใด
ก. CSMA/CD
ข. MAC sub layer
ค. LLC
ง. IEEE
3. IEEE 802.4 เป็น Bus topology ที่ใช้ อะไร ในการควบคุมการเชื่อมต่อ
ก. frame type
ข. token
ค. Bus topology
ง. Token Package
4.อีเทอร์เน็ตใช้วิธีการส่งสัญญาณแบบใด
ก .Fast-Ethernet
ข. Gigabit-Ethernet
ค. เบสแบนด์
ง. Media
5. ข้อใดคือข้อดีของสายโคแอกเชียลแบบบาง
ก. ใช้เป็นเครือข่ายกระดูกสันหลังภายในตึก
ข.ราคาถูกที่สุด
ค. ดูแลรักษาง่าย
ง. ทนทานต่อการถูกรบกวนได้เป็นอย่างดี
6. ข้อใดคือข้อดีของสายใยแก้วนำแสง
ก.ดูแลรักษาง่าย
ข.ใช้เป็นเครือข่ายกระดูกสันหลังภายในตึก
ค.ทนทานต่อการถูกรบกวนได้เป็นอย่างดี
ง.ราคาถูกที่สุด
7. 10Base-T เป็นระบบเครือข่าย Ethernet ที่ใช้สายใดเป็นสื่อในการส่งสัญญาณ
ก.Parent Hub
ข.Fiber Hub
ค.Network Interface Card
ง.Twisted Pair
8. ฟาสต์อีเทอร์เน็ตได้ถูกออกแบบมาเพื่อการติดตั้งเครือข่ายในรูปแบบของเครือข่ายแบบใด
ก. แบบดาว
ข.แบบดวงจันทร์
ค.แบบโซ่
ง.แบบบัส
9. มาตรฐาน 100BASE-Tx เป็น มาตรฐาน IEEE 802.3u ที่กำหนดขึ้นในปีใด
ก.ปี 1993
ข.ปี 1994
ค.ปี 1995
ง.ปี 1996
10. 10 กิกะบิตอีเทอร์เน็ต (10 GbE) จะเป็นไปตามมาตรฐานเครือข่าย 802.3ae ซึ่งได้พัฒนาและประกาศใช้อย่างสมบูรณ์เมื่อใด
ก.เดือนมิถุนายน ค.ศ 2000
ข.เดือนมิถุนายน ค.ศ 2001
ค.เดือนมิถุนายน ค.ศ 2002
ง.เดือนมิถุนายน ค.ศ 2003
1.คำสั่งที่ใช้ตรวจสอบค่าconfigureของเครื่องคอมพิวเตอร์ คือข้อใด
ก.Ipconfig/all
ข.Netmast
ค.Netstat
ง.Address
2.ข้อใดไม่ใช่คำสั่งตรวจซ่อม
ก.Ipconfig/all
ข.Delete
ค.Netstat
ง.Tracert
3.ข้อใดคือคำสั่งในการตรวจสอบโปรโตคอล
ก.Ipconfig/all
ข.Delete
ค.Netstat
ง.Tracert
4.ข้อใดคือคำสั่งในการตรวจสอบโปรโตคอล IP
ก.Tracert
ข.Netstat-s-p ip
ค.Netstat-s-p udp
ง.Netstat-r
5.ข้อใดคือคำสั่งในการตรวจสอบโปรโตคอล UDP
ก.Tracert
ข.Netstat-s-p ip
ค.Netstat-s-p udp
ง.Netstat-r
6.ข็อใดคือคำสั่งในการดูข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ Rotig Table
ก.Netstat-s-p icmp
ข.Netstat-s-p ip
ค.Netstat-s-p udp
ง.Netstat-r
7.คำสั่งที่ใช้ดูเส้นทางในการเชื่อมต่อของ routerไปยังปลายทางคือข้อใด
ก.Tracert
ข.Netstat-s-p ip
ค.Netstat-s-p udp
ง.Netstat-r
8.การทำงานของ tracert การร้องขอแต่ละครั้งจะมีการเพิ่มค่า TTL เป็นเท่าใด
ก. 1
ข. 2
ค. 3
ง. 4
9.ใช้คำสั่งใดเพี่อตรวจสอบดูชื่อคอมพิวเตอร์หรือ IP Address ที่ติดต่อเข้ามา
ก.Netstat-s-p icmp
ข.Netstat-s-p ip
ค.Netstat-a-n
ง.Netstat-r
10.Header ของ IP ปกติจะมีค่าเป็นเท่าใด
ก. 1
ข. 2
ค. 3
ง. 0
ข้อสอบปรนัย เรื่องอีเทอร์เน็ต
1.อีเทอร์เน็ตมีการพัฒนาขึ้นโดยบริษัทใด
ก. SUMSUNG
ข. LG
ค. XEROX
ง. HITACHI
2. เครื่องคอมพิวเตอร์บนเครือข่าย โดยจะใช้กระบวนการส่งข้อมูลแบบใด
ก. CSMA/CD
ข. MAC sub layer
ค. LLC
ง. IEEE
3. IEEE 802.4 เป็น Bus topology ที่ใช้ อะไร ในการควบคุมการเชื่อมต่อ
ก. frame type
ข. token
ค. Bus topology
ง. Token Package
4.อีเทอร์เน็ตใช้วิธีการส่งสัญญาณแบบใด
ก .Fast-Ethernet
ข. Gigabit-Ethernet
ค. เบสแบนด์
ง. Media
5. ข้อใดคือข้อดีของสายโคแอกเชียลแบบบาง
ก. ใช้เป็นเครือข่ายกระดูกสันหลังภายในตึก
ข.ราคาถูกที่สุด
ค. ดูแลรักษาง่าย
ง. ทนทานต่อการถูกรบกวนได้เป็นอย่างดี
6. ข้อใดคือข้อดีของสายใยแก้วนำแสง
ก.ดูแลรักษาง่าย
ข.ใช้เป็นเครือข่ายกระดูกสันหลังภายในตึก
ค.ทนทานต่อการถูกรบกวนได้เป็นอย่างดี
ง.ราคาถูกที่สุด
7. 10Base-T เป็นระบบเครือข่าย Ethernet ที่ใช้สายใดเป็นสื่อในการส่งสัญญาณ
ก.Parent Hub
ข.Fiber Hub
ค.Network Interface Card
ง.Twisted Pair
8. ฟาสต์อีเทอร์เน็ตได้ถูกออกแบบมาเพื่อการติดตั้งเครือข่ายในรูปแบบของเครือข่ายแบบใด
ก. แบบดาว
ข.แบบดวงจันทร์
ค.แบบโซ่
ง.แบบบัส
9. มาตรฐาน 100BASE-Tx เป็น มาตรฐาน IEEE 802.3u ที่กำหนดขึ้นในปีใด
ก.ปี 1993
ข.ปี 1994
ค.ปี 1995
ง.ปี 1996
10. 10 กิกะบิตอีเทอร์เน็ต (10 GbE) จะเป็นไปตามมาตรฐานเครือข่าย 802.3ae ซึ่งได้พัฒนาและประกาศใช้อย่างสมบูรณ์เมื่อใด
ก.เดือนมิถุนายน ค.ศ 2000
ข.เดือนมิถุนายน ค.ศ 2001
ค.เดือนมิถุนายน ค.ศ 2002
ง.เดือนมิถุนายน ค.ศ 2003
ข่าวสาร ไอที
ข่าวสาร ไอที
สำนักการศึกษาระบบสารสนเทศ เพื่อเป็นการดำรงไว้ซึ่งภาระหน้าที่และปณิฐานในการให้ความรู้ จึงมีแผนที่จะปรับเปลี่ยนบทบาทในการดำเนินงานให้สอดคล้องกับกระแสแห่งความเปลี่ยนแปลง ตลอดจนการพัฒนาระบบงานที่ผสมผสาน เทคโนโลยีสารสนเทศได้หลากหลายรูปแบบ เพื่อผลิตบุคลากรที่มีความสามารถ และเป็นกำลังสำคัญขององค์กรได้ การติดตามรับทราบข่าวสารทางสารสนเทศ จึงมีความสำคัญยิ่ง เพื่อให้รู้ทิศทางในการพัฒนาที่ถูกวิธีและเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
สำนักการศึกษาระบบสารสนเทศ เพื่อเป็นการดำรงไว้ซึ่งภาระหน้าที่และปณิฐานในการให้ความรู้ จึงมีแผนที่จะปรับเปลี่ยนบทบาทในการดำเนินงานให้สอดคล้องกับกระแสแห่งความเปลี่ยนแปลง ตลอดจนการพัฒนาระบบงานที่ผสมผสาน เทคโนโลยีสารสนเทศได้หลากหลายรูปแบบ เพื่อผลิตบุคลากรที่มีความสามารถ และเป็นกำลังสำคัญขององค์กรได้ การติดตามรับทราบข่าวสารทางสารสนเทศ จึงมีความสำคัญยิ่ง เพื่อให้รู้ทิศทางในการพัฒนาที่ถูกวิธีและเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
เครือข่าย Ethernet
เครือข่าย Ethernet
การสร้างเครือข่ายในบ้าน
สำหรับบ้านที่มีสมาชิกอยู่หลายคน และใช้งานคอมพิวเตอร์เกือบทั้งหมด เราสามารถจะสร้างระบบเครือข่ายภายในบ้านขึ้นมา แล้วเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องเข้าด้วยกัน เพื่อให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันและเข้าใช้งานอินเตอร์เน็ตเพียงแอคเคาน์เดียว
เทคโนโลยีเครือข่ายในบ้าน
เนื่องจากภายในบ้านจะมีการเดินสายไฟ สายโทรศัพท์เอาไว้อยู่แล้ว จึงสามารถนำสิ่งที่มีอยู่มาทำเป็นระบบเครือข่ายได้ ทำให้ไม่ต้องมาเดินสายเคเบิลกันใหม่ เทคโนโลยีเครือข่ายในบ้านสามารถจะแบ่งออกเป็น 5 แบบด้วยกันดังนี้
• เทคโนโลยีเครือข่าย Ethernet แบบ Bus
• เทคโนโลยีเครือข่าย Ethernet แบบ Star
• เทคโนโลยีเครือข่ายสายโทรศัพท์
• เทคโนโลยีเครือข่ายสายไฟฟ้า
• เทคโนโลยีเครือข่ายแบบไร้สาย
เทคโนโลยีเครือข่าย Ethernet แบบ Bus
เทคโนโลยีเครือข่าย Ethernet แบบ Bus เป็นไปตามมาตรฐาน 10Base2 โดยใช้สาย Coaxial (โคแอกเชี่ยล) เรียกว่า Thin Coaxial หรือ สาย RG-58 (มีความต้านทาน 50 โอห์ม) ความยาวโดยรวมของสายทั้งหมดจากเครื่องต้นทางถึงเครื่องปลายทางต้องไม่เกิน 180 เมตร การเชื่อมต่แบบนี้มีต้นทุนต่ำเพราะไม่ต้องใช้ฮับเป็นตัวกลางในการรับ-ส่งสัญาณ
เทคโนโลยีเครือข่าย Ethernet แบบ Star
เทคโนโลยีเครือข่าย Ethernet แบบ Star เป็นไปตามมาตรฐาน 10BaseT เป็นรูปแบบการใช้สายUTP (Unshield Twisted Pair) ซึ่งจะมีสายเส้นเล็ก ๆ ภายใน 8 เส้นตีเกลียวกัน 4 คู่ ในการรับ-ส่งมีความเร็ว 10/100 Mbps ด้วยสัญญาณแบบ Base band ความยาวของสายแต่ละเส้นจากเครื่องถึงฮับจะต้องไม่เกิน 100 เมตร (ทางที่ดีไม่ควรเกิน 80 เมตร เพื่อป้องกันสัญญาณรบกวน) การเชื่อมต่อแบบนี้จะเหมาะสมสำหรับใช้ภายในบ้านเพราะสามารถเคลื่อนย้ายเครื่องและสะดวกในการถอดสายแลนด์ สำหรับค่าใช้จ่ายก็ไม่แพงมากเนื่องจากฮับขนาด 8 พอร์ต มีราคา 1,000 บาทเศษ ๆ
เทคโนโลยีเครือข่ายสายโทรศัพท์
เทคโนโลยีเครือข่ายสายโทรศัพท์ หรือ Phoneline Network เป็นการนำสายโทรศัพท์ที่เดินไว้ภายในบ้าน มาเชื่อมต่อระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ ปกติแล้วจะมีการเดินสายโทรศัพท์เอาไว้ทุกห้องในบ้าน เราเพียงแต่นำการ์ดเน็ตเวิร์ก ที่ใช้สำหรับเชื่อมต่อกับสายโทรศัพท์มาเสียบลง ในเครื่องคอมพิวเตอร์ก็สามารถใช้งานได้แล้ว
เทคโนโลยีเครือข่ายสายไฟฟ้า
เทคโนโลยีเครือข่ายสายไฟฟ้า (Powerline Network) หรือ Power Line Communication เป็นการนำเอาสายไฟฟ้าที่เดินอยู่ภายในบ่านมาใช้รับ-ส่งข้อมูล (การใช้งานจะต้องมีอุปกรณ์แปลงสัญญาณข้อมูลออกจากสัญญาณไฟฟ้า) เทคโนโลยีเครือข่ายสายไฟฟ้าสามารถจะรับ-ส่งทั้งภาพ เสียง ไฟล์ข้อมูลขนาดใหญ่ รวมทั้งการท่องอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงขนาด 4.5 เมกกะบิตต่อวินาที (ความเร็วบนโมเด็มประมาณ 56 กิโลไบต์ต่อวินาที) การทำงานพื้นฐานของเทคโนโลยีเครือข่ายสายไฟฟ้า เมื่อมีสัญญาณข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตซึ่งจะมีความถี่สูงเข้าก็จะส่งสัญญาณนี้ไปยังสถานีไฟฟ้าท้องถิ่น เพื่อจ่ายไฟฟ้าให้กับทุกบ้าน ผู้ใช้จะต้องมีหม้อแปลงพิเศษสำหรับเสียบเข้ากับปลั๊กไฟตามบ้าน แล้วทำการแปลง-แยกสัญญาณข้อมุลต่าง ๆ ทั้งภาพและเสียงออกจากสัญญาณไฟฟ้า จากนั้นจึงส่งข้อมูลเหล่านั้นไปให้แก่เครื่องคอมพิวเตอร์หรือครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ต่อไป
เทคโนโลยีเครือข่ายแบบไร้สาย
เทคโนโลยีเครือข่ายแบบไร้สาย (Wireless) มีการพัฒนาใช้งานในช่วงมากกว่า 5 ปีที่ผ่านมา เหมาะสำหรับสถานที่ๆ ไม่ต้องการเดินสายแลนด์ให้เกะกะ เช่น ห้องประชุม ห้องรับรองลูกค้าระดับ VIP สวนสาธารณะหรือพื้นที่ๆ ไม่สามารถจะเดินสายแลนด์ได้ เพียงแต่เรานำเครื่องคอมพิวเตอร์มาตั้งใช้งานให้อยู่ในรัศมีการกระจายคลื่น โดยจะมีรัศมีทำการตั้งแต่ 80 ถึง 400 ฟุต เทคโนโลยีเครือข่ายแบบไร้สายมีอยู่ 2 ชนิดด้วยกันคือ
1. HomeRF (Home Radio Frequency)
2. IEEE 802.11
การสร้างเครือข่ายในบ้าน
สำหรับบ้านที่มีสมาชิกอยู่หลายคน และใช้งานคอมพิวเตอร์เกือบทั้งหมด เราสามารถจะสร้างระบบเครือข่ายภายในบ้านขึ้นมา แล้วเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องเข้าด้วยกัน เพื่อให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันและเข้าใช้งานอินเตอร์เน็ตเพียงแอคเคาน์เดียว
เทคโนโลยีเครือข่ายในบ้าน
เนื่องจากภายในบ้านจะมีการเดินสายไฟ สายโทรศัพท์เอาไว้อยู่แล้ว จึงสามารถนำสิ่งที่มีอยู่มาทำเป็นระบบเครือข่ายได้ ทำให้ไม่ต้องมาเดินสายเคเบิลกันใหม่ เทคโนโลยีเครือข่ายในบ้านสามารถจะแบ่งออกเป็น 5 แบบด้วยกันดังนี้
• เทคโนโลยีเครือข่าย Ethernet แบบ Bus
• เทคโนโลยีเครือข่าย Ethernet แบบ Star
• เทคโนโลยีเครือข่ายสายโทรศัพท์
• เทคโนโลยีเครือข่ายสายไฟฟ้า
• เทคโนโลยีเครือข่ายแบบไร้สาย
เทคโนโลยีเครือข่าย Ethernet แบบ Bus
เทคโนโลยีเครือข่าย Ethernet แบบ Bus เป็นไปตามมาตรฐาน 10Base2 โดยใช้สาย Coaxial (โคแอกเชี่ยล) เรียกว่า Thin Coaxial หรือ สาย RG-58 (มีความต้านทาน 50 โอห์ม) ความยาวโดยรวมของสายทั้งหมดจากเครื่องต้นทางถึงเครื่องปลายทางต้องไม่เกิน 180 เมตร การเชื่อมต่แบบนี้มีต้นทุนต่ำเพราะไม่ต้องใช้ฮับเป็นตัวกลางในการรับ-ส่งสัญาณ
เทคโนโลยีเครือข่าย Ethernet แบบ Star
เทคโนโลยีเครือข่าย Ethernet แบบ Star เป็นไปตามมาตรฐาน 10BaseT เป็นรูปแบบการใช้สายUTP (Unshield Twisted Pair) ซึ่งจะมีสายเส้นเล็ก ๆ ภายใน 8 เส้นตีเกลียวกัน 4 คู่ ในการรับ-ส่งมีความเร็ว 10/100 Mbps ด้วยสัญญาณแบบ Base band ความยาวของสายแต่ละเส้นจากเครื่องถึงฮับจะต้องไม่เกิน 100 เมตร (ทางที่ดีไม่ควรเกิน 80 เมตร เพื่อป้องกันสัญญาณรบกวน) การเชื่อมต่อแบบนี้จะเหมาะสมสำหรับใช้ภายในบ้านเพราะสามารถเคลื่อนย้ายเครื่องและสะดวกในการถอดสายแลนด์ สำหรับค่าใช้จ่ายก็ไม่แพงมากเนื่องจากฮับขนาด 8 พอร์ต มีราคา 1,000 บาทเศษ ๆ
เทคโนโลยีเครือข่ายสายโทรศัพท์
เทคโนโลยีเครือข่ายสายโทรศัพท์ หรือ Phoneline Network เป็นการนำสายโทรศัพท์ที่เดินไว้ภายในบ้าน มาเชื่อมต่อระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ ปกติแล้วจะมีการเดินสายโทรศัพท์เอาไว้ทุกห้องในบ้าน เราเพียงแต่นำการ์ดเน็ตเวิร์ก ที่ใช้สำหรับเชื่อมต่อกับสายโทรศัพท์มาเสียบลง ในเครื่องคอมพิวเตอร์ก็สามารถใช้งานได้แล้ว
เทคโนโลยีเครือข่ายสายไฟฟ้า
เทคโนโลยีเครือข่ายสายไฟฟ้า (Powerline Network) หรือ Power Line Communication เป็นการนำเอาสายไฟฟ้าที่เดินอยู่ภายในบ่านมาใช้รับ-ส่งข้อมูล (การใช้งานจะต้องมีอุปกรณ์แปลงสัญญาณข้อมูลออกจากสัญญาณไฟฟ้า) เทคโนโลยีเครือข่ายสายไฟฟ้าสามารถจะรับ-ส่งทั้งภาพ เสียง ไฟล์ข้อมูลขนาดใหญ่ รวมทั้งการท่องอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงขนาด 4.5 เมกกะบิตต่อวินาที (ความเร็วบนโมเด็มประมาณ 56 กิโลไบต์ต่อวินาที) การทำงานพื้นฐานของเทคโนโลยีเครือข่ายสายไฟฟ้า เมื่อมีสัญญาณข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตซึ่งจะมีความถี่สูงเข้าก็จะส่งสัญญาณนี้ไปยังสถานีไฟฟ้าท้องถิ่น เพื่อจ่ายไฟฟ้าให้กับทุกบ้าน ผู้ใช้จะต้องมีหม้อแปลงพิเศษสำหรับเสียบเข้ากับปลั๊กไฟตามบ้าน แล้วทำการแปลง-แยกสัญญาณข้อมุลต่าง ๆ ทั้งภาพและเสียงออกจากสัญญาณไฟฟ้า จากนั้นจึงส่งข้อมูลเหล่านั้นไปให้แก่เครื่องคอมพิวเตอร์หรือครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ต่อไป
เทคโนโลยีเครือข่ายแบบไร้สาย
เทคโนโลยีเครือข่ายแบบไร้สาย (Wireless) มีการพัฒนาใช้งานในช่วงมากกว่า 5 ปีที่ผ่านมา เหมาะสำหรับสถานที่ๆ ไม่ต้องการเดินสายแลนด์ให้เกะกะ เช่น ห้องประชุม ห้องรับรองลูกค้าระดับ VIP สวนสาธารณะหรือพื้นที่ๆ ไม่สามารถจะเดินสายแลนด์ได้ เพียงแต่เรานำเครื่องคอมพิวเตอร์มาตั้งใช้งานให้อยู่ในรัศมีการกระจายคลื่น โดยจะมีรัศมีทำการตั้งแต่ 80 ถึง 400 ฟุต เทคโนโลยีเครือข่ายแบบไร้สายมีอยู่ 2 ชนิดด้วยกันคือ
1. HomeRF (Home Radio Frequency)
2. IEEE 802.11
ออกข้อสอบเรื่อง sebnermask and ip address
ออกข้อสอบปรนัย (พร้อมเฉลย) 10 ข้อ
1. mark 5 bit class B ได้กี่ subnet
ก. 2^5 = 25-2=23
ข. 2^5 = 32-2=30
ค. 2^5 = 45-2=43
ง. 2^5 = 57-2=55
เฉลย ข.
2. mark 4 bit class C ได้เลข subnet อะไร
ก. 255.255.255.242
ข. 255.254.0.0
ค. 255.255.255.254
ง. 255.192.142.0
เเฉลย ก
3.mart 4 bit ได้กี่ Host ของ Class A
ก. 2^4 = 16 - 2 = 14 Host
ข. 2^4 = 8 - 2 = 6 Host
ค. 2^20 = 1048576 - 2 = 1048574 Host
ง. 2^20 = 1048426 - 2 = 1048424 Host
เฉลย ค.
4. mart 6 bit ได้กี่ Host ของ Class C
ก.2^6 = 12 - 2 = 10 Host
ข.2^6 = 64 - 2 = 62 Host
ค.2^3 = 6 -2 = 4 Host
ง.2^2 = 4 - 2 = 2 Host
เฉลย ง.
5. mark 5 bit ได้ class A มี host เป็นเท่าไร
ก. 2^22=4194304-2=4194301
ข. 2^22=4194304-2=4194302
ค.2^22=4194304-2=4194303
ง.2^22=4194304-2=4194304
เฉลย ข.
6. subnet mask 130.5.5.25 สามารถแสดงเป็นเลขฐานสองได้เท่าใด
ก. 10000010.00000101.00000101.00011001
ข. 10000010.00000101.00000101.00001101
ค. 10000010.00000101.00000101.00010001
ง. 10000010.00000101.00000101.00011000
เฉลย ก.
7. network address จะอยู่ในช่วง 1~126 ส่วน default Subnet Mask มีค่าเท่าใด
ก. 255.0.0.0
ข. 255.255.0.0
ค. 255.255.255.0
ง. 255.255.255.255
เฉลย ก.
8. mark 6 bit ได้ class A หมายเลข subnetmark คือ
ก. =255.255.0.0
ข.=255.255.192.0
ค.=255.255.255.0
ง.=255.255.192.255
เฉลย ข.
9. mark 3 bit ได้ class A ได้กี่ subnet
ก.= 2 ^3 =8-2 =6 subnet
ข.=2 ^4 =16-2 =14 subnet
ค.=2 ^ 5=32-2 =30 subnet
ง.=2 ^6 =64-2 =62 subnet
เฉลย ก.
10. CLASS C ได้แก่
ก.= N .N.N.N
ข.= N .N.H.H
ค.= N .N.N.H
ง.= N .H.H.H
เฉลย ค.
ข้อสอบอัตนัย
1. mark 5 bit Class B หมายเลข Subnet อะไร
ตอบ 255.255.248.0
2. จงหาค่าของ Subnet Maskให้เขียน Defualt Subnet Mask ให้อยู่ในเลขฐานสอง ในที่นี้ 192.168.0.0 ในในคลาส B ดังนั้น Subnet Mask คือ 255.255.0.0 เมื่อเขียนเป็นเลขฐานสองจะได้เท่ากับ
ตอบ 11000000.10101000.00000000.00000000
3. mark 6 bit ได้ class C หมายเลข subnetmark คือ อะไร
ตอบ 255.255.255.252 subnetmark
4. mark 2 bit ได้ class A ได้กี่ subnet
ตอบ 2 ^2 =4-2 =2 subnet
5. mark 3 bit ได้ class B ได้กี่ host
ตอบ 2^5=32-2 = 30 host
6. วิธีการคำนวณหา Network Address จาก Subnet Mask หาได้อย่างไร
ตอบ สมมติว่า IP Address เป็น 168.108.2.1 นำมาเขียนให้อยู่ในรูปเลขฐานสองแล้วนำมาคูณกันก็จะได้ Network Address
7. mark 4 bit ได้ class B หมายเลข subnetmark คืออะไร
ตอบ 2^9=512-2=510
8.mark 7bit ได้ class B หมายเลข subnetmark คือ อะไร
ตอบ 255.255.254.0 subnetmark
9. mark 2 bit ได้ class C ได้กี่ host
ตอบ 2^6=64-2=62 host
10. mark 4 bit ได้ class A ได้กี่ subnet
ตอบ 2^4 = 16 -2 = 14 subnet
1. mark 5 bit class B ได้กี่ subnet
ก. 2^5 = 25-2=23
ข. 2^5 = 32-2=30
ค. 2^5 = 45-2=43
ง. 2^5 = 57-2=55
เฉลย ข.
2. mark 4 bit class C ได้เลข subnet อะไร
ก. 255.255.255.242
ข. 255.254.0.0
ค. 255.255.255.254
ง. 255.192.142.0
เเฉลย ก
3.mart 4 bit ได้กี่ Host ของ Class A
ก. 2^4 = 16 - 2 = 14 Host
ข. 2^4 = 8 - 2 = 6 Host
ค. 2^20 = 1048576 - 2 = 1048574 Host
ง. 2^20 = 1048426 - 2 = 1048424 Host
เฉลย ค.
4. mart 6 bit ได้กี่ Host ของ Class C
ก.2^6 = 12 - 2 = 10 Host
ข.2^6 = 64 - 2 = 62 Host
ค.2^3 = 6 -2 = 4 Host
ง.2^2 = 4 - 2 = 2 Host
เฉลย ง.
5. mark 5 bit ได้ class A มี host เป็นเท่าไร
ก. 2^22=4194304-2=4194301
ข. 2^22=4194304-2=4194302
ค.2^22=4194304-2=4194303
ง.2^22=4194304-2=4194304
เฉลย ข.
6. subnet mask 130.5.5.25 สามารถแสดงเป็นเลขฐานสองได้เท่าใด
ก. 10000010.00000101.00000101.00011001
ข. 10000010.00000101.00000101.00001101
ค. 10000010.00000101.00000101.00010001
ง. 10000010.00000101.00000101.00011000
เฉลย ก.
7. network address จะอยู่ในช่วง 1~126 ส่วน default Subnet Mask มีค่าเท่าใด
ก. 255.0.0.0
ข. 255.255.0.0
ค. 255.255.255.0
ง. 255.255.255.255
เฉลย ก.
8. mark 6 bit ได้ class A หมายเลข subnetmark คือ
ก. =255.255.0.0
ข.=255.255.192.0
ค.=255.255.255.0
ง.=255.255.192.255
เฉลย ข.
9. mark 3 bit ได้ class A ได้กี่ subnet
ก.= 2 ^3 =8-2 =6 subnet
ข.=2 ^4 =16-2 =14 subnet
ค.=2 ^ 5=32-2 =30 subnet
ง.=2 ^6 =64-2 =62 subnet
เฉลย ก.
10. CLASS C ได้แก่
ก.= N .N.N.N
ข.= N .N.H.H
ค.= N .N.N.H
ง.= N .H.H.H
เฉลย ค.
ข้อสอบอัตนัย
1. mark 5 bit Class B หมายเลข Subnet อะไร
ตอบ 255.255.248.0
2. จงหาค่าของ Subnet Maskให้เขียน Defualt Subnet Mask ให้อยู่ในเลขฐานสอง ในที่นี้ 192.168.0.0 ในในคลาส B ดังนั้น Subnet Mask คือ 255.255.0.0 เมื่อเขียนเป็นเลขฐานสองจะได้เท่ากับ
ตอบ 11000000.10101000.00000000.00000000
3. mark 6 bit ได้ class C หมายเลข subnetmark คือ อะไร
ตอบ 255.255.255.252 subnetmark
4. mark 2 bit ได้ class A ได้กี่ subnet
ตอบ 2 ^2 =4-2 =2 subnet
5. mark 3 bit ได้ class B ได้กี่ host
ตอบ 2^5=32-2 = 30 host
6. วิธีการคำนวณหา Network Address จาก Subnet Mask หาได้อย่างไร
ตอบ สมมติว่า IP Address เป็น 168.108.2.1 นำมาเขียนให้อยู่ในรูปเลขฐานสองแล้วนำมาคูณกันก็จะได้ Network Address
7. mark 4 bit ได้ class B หมายเลข subnetmark คืออะไร
ตอบ 2^9=512-2=510
8.mark 7bit ได้ class B หมายเลข subnetmark คือ อะไร
ตอบ 255.255.254.0 subnetmark
9. mark 2 bit ได้ class C ได้กี่ host
ตอบ 2^6=64-2=62 host
10. mark 4 bit ได้ class A ได้กี่ subnet
ตอบ 2^4 = 16 -2 = 14 subnet
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)